ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและมุ่งมั่นที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และฉบับปรับปรุงแก้ไขตามที่จะมีการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายและกฎระเบียบอื่นๆที่จะประกาศใช้ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังกล่าว บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม การใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
- วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะเมื่อมีเหตุผลที่เหมาะสมในการดำเนินการ และ/หรือที่กฎหมายกำหนดให้กระทำการได้ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลภายนอกด้วย โดยมีวัตถุประสงค์หลัก ดังต่อไปนี้
1.1 เพื่อประโยชน์ต่อกระบวนการคัดเลือกคัดสรร การบริหารจัดการบุคลากรที่มีความเชื่อมโยงกับบริษัทฯ ในด้านต่างๆ อาทิ การพิจารณาการว่าจ้าง ค่าตอบแทน การเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง การปรับโครงสร้างเงินเดือน ตลอดจนรายได้และสวัสดิการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่จะก่อให้เกิดสิทธิและผลประโยชน์ที่เจ้าของข้อมูลได้แก่ ผู้สมัครงาน พนักงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ฝึกงาน ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษาด้านต่างๆ อดีตพนักงาน และอื่นๆ สมควรแก่การได้รับ
1.2 เพื่อประโยชน์ต่อกระบวนการ พิจารณาและตรวจสอบคำขออนุญาตในการตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคลของ ผู้สมัครงาน พนักงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ฝึกงาน ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษาด้านต่างๆ อดีตพนักงาน และ อื่นๆ เช่น ข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางกระทรวงมหาดไทย ข้อมูลทะเบียนนิติบุคคลหรือข้อมูลการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางจากกระทรวงพาณิชย์ ข้อมูลทะเบียนคนต่างด้าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือจากฐานข้อมูลใบอนุญาตทำงาน กระทรวงแรงงาน และอื่นๆ ด้วยระบบคอมพิวเตอร์
1.3 เพื่อการประมวลผล การบริหารจัดการการดำเนินการ เกี่ยวกับการเป็นผู้สมัครงาน พนักงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ฝึกงาน ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษาด้านต่างๆ อดีตพนักงาน และอื่นๆ หรือธุรกรรมต่างๆที่เจ้าของข้อมูล ยื่นต่อบริษัทฯ รวมถึงการพิจารณารับผลประโยชน์ตอบแทน การดำเนินการและให้บริการต่างๆที่เกี่ยวกับแผนการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน การจัดเก็บค่าธรรมเนียมและหนี้สินอื่นๆ (ถ้ามี) การตรวจสอบ การวิเคราะห์ การประมวลผล การจ่ายเงินตามแผนการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน รวมถึงการต่ออายุการเปลี่ยนแปลงแก้ไข การยกเลิกสถานภาพ และการยื่นคำร้องต่างๆที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจ หรือ เครือข่ายสายงานของเจ้าของข้อมูล
1.4 เพื่อดำเนินการบริหารจัดการผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทฯ รวมถึงช่วยให้บริษัทสามารถ ปฏิบัติตามภาระผูกพันที่บริษัทฯ มีต่อเจ้าของข้อมูลและส่งมอบบริการต่างๆที่เกี่ยวข้อง ตามที่ได้ประกาศหรือตกลงไว้กับเจ้าของข้อมูลที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ หรือบริการ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกรรมอื่นๆ
1.5 เพื่อใช้ข้อมูลในการวิเคราะห์ เสนอให้ ใช้ หรือปรับปรุงบริการ รายการส่งเสริมการขายหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ
1.6 เพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับหรือข้อกำหนดอื่นๆตามกฎหมาย เพื่อดำเนินการสอบทาน ตรวจสอบ ข้อมูลส่วนบุคคลหรือนิติบุคคลของผู้สมัครงาน พนักงาน ลูกค้า ซัพพลายเออร์ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ฝึกงาน ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษาด้านต่างๆ อดีตพนักงาน และอื่นๆ ที่ได้รับจากหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ เช่น โรงพยาบาล หน่วยงานทางการแพทย์ หรือหน่วยงานต่างๆ
1.7 เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริการหลังการขาย แก่ลูกค้า ซัพพลายเออร์ พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษาด้านต่างๆ รวมถึงการให้บริการติดตาม ประสานงาน แก้ไขปัญหาแก่เจ้าของข้อมูลตามความเหมาะสม เช่น บริการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ หรือ การตอบข้อสงสัย ข้อซักถาม เป็นต้น
1.8 เพื่อการปฏิบัติตามนโยบายของบริษัท เพื่อการดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดภายใต้นโยบายภายในของบริษัทที่ยึดถือปฏิบัติ
1.9 เพื่อการตรวจสอบและการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคารหรือสถานที่ของบริษัท และการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย รวมถึงการเข้าและออกเพื่อปฏิบัติงานในสถานที่ของบริษัท การแลกบัตรเข้าออกอาคารหรือสถานที่ของบริษัท และการบันทึกข้อมูลการเข้าออกสถานที่ของบริษัท และการบันทึกภาพภายในอาคารหรือสำนักงาน หรือบริเวณพื้นที่โดยรอบด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV)
1.10 เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การดำเนินการใด ๆ
(1) เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการตรวจสอบธุรกิจของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบภายใน หรือการตรวจสอบจากบุคคลภายนอก
(2) เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อตกลง หรือนโยบายที่ใช้บังคับ ซึ่งกำหนดขึ้นโดยหน่วยงานกำกับดูแลของรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่ระงับข้อพิพาท ไม่ว่าหน่วยงานใดก็ตาม
(3) เพื่อวัตถุประสงค์ของการบังคับใช้กฎหมาย หรือการให้ความช่วยเหลือ ให้ความร่วมมือ การสืบสวนโดยบริษัทหรือในนามของบริษัท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือโดยหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ ในประเทศ และการดำเนินการตามหน้าที่ในการรายงาน และข้อกาหนดต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามที่มีการตกลงเห็นชอบกับหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานกำกับดูแลอื่น ๆ ในประเทศหรือเขตการปกครองใด ๆ หรือการดำเนินการตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือหน่วยงานของรัฐ
1.11 เพื่อการให้บริการช่องทางการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เพื่อให้ท่านสามารถเข้าถึงเนื้อหาในเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ หรือบริการอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการเฉพาะ โดยบริษัทอาจประมวลผลพฤติกรรมการใช้เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อการวิเคราะห์การใช้งานเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของท่าน และการทำความเข้าใจลักษณะการใช้งานที่ท่านชอบ เพื่อจัดทำให้เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เหล่านั้นตอบสนองอย่างเหมาะสมกับท่านโดยเฉพาะ เพื่อการประเมิน หรือดำเนินการ และการปรับปรุงเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เหล่านั้น หรือผลิตภัณฑ์ และ/ หรือบริการของบริษัท การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ การแนะนำผลิตภัณฑ์และ/ หรือบริการที่เกี่ยวข้อง และการจัดโฆษณาบนเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และช่องทางอื่น ๆ ตามกลุ่มเป้าหมาย
1.12 เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การดำเนินคดีต่าง ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย เช่น การสอบสวนและ/หรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น อื่น ๆ กล่าวคือ เพื่อการดำเนินการอื่น ๆ ที่จำเป็น ซึ่งเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ใด ๆ ข้างต้น เว้นแต่กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับ รวมถึง พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จะอนุญาตให้กระทำเป็นอย่างอื่น บริษัทจะแจ้งและขอความยินยอมจากท่านหากบริษัทประสงค์จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ หรือนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้
1.13 เพื่อการดำเนินการใดๆที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเจ้าของข้อมูลตามที่กล่าวมาแล้วในข้างต้น หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่แจ้งข้อมูลส่วนบุคคลที่แท้จริงตามข้อ 3 ผู้คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับอนุญาต ก็จะไม่สามารถพิจารณาผลประโยชน์และสิทธิต่างๆ ที่ท่านพึงจะได้รับได้อย่างสมบูรณ์
ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกเก็บรักษาไว้เป็นความลับ การเปิดเผยข้อมูลจะกระทำเพื่อวัตถุประสงค์ตามที่กล่าวมาข้างต้นหรือตามหมายเรียก คำสั่งของศาล หรือคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจตามกฎหมายเท่านั้น ทั้งนี้บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน หรือพันธมิตรทางธุรกิจ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ลูกค้า ผู้แทนจำหน่าย ผู้รับผลประโยชน์ ผู้รับมรดก หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
- ฐานการประมวลผลข้อมูลทางกฎหมาย
บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน จะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบนฐานการประมวลผล ข้อมูลที่ชอบด้วยกฎหมาย ( Lawful Basis ) ดังนี้คือ
2.1 การปฏิบัติตามสัญญา (Contractual Basis) เพื่อให้บริษัทสามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ คือการประมวลผลข้อมูลที่จำเป็นต่อการให้บริการตามสัญญาที่ตกลงกันไว้ระหว่างผู้ควบคุมข้อมูลและเจ้าของข้อมูล ซึ่งใช้ได้กับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปเท่านั้น และไม่สามารถใช้ได้กับการประมวลผล sensitive data และจำกัดการประมวลผลเฉพาะข้อมูลของเจ้าของข้อมูลที่เป็นคู่สัญญา
2.2 การปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด กรณีการประมวลผลข้อมูลจำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่ผู้ควบคุมข้อมูลนั้นมีตามที่กฎหมายกำหนด ผู้ควบคุมข้อมูล จะต้องระบุได้อย่างชัดเจนว่ากำลังปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติใดของกฎหมาย หรือทำตามคำสั่งของหน่วยงานใดของรัฐที่มีอำนาจ
2.3 ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย (Legitimate Interest) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท คือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่จำเป็นต่อการดำเนินการเพื่อประโยชน์อันชอบธรรมของผู้ควบคุมข้อมูลและบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล เช่น การบันทึกวงจรปิดเพื่อป้องกันอาชญากรรม เป็นต้น
2.4 ฐานความยินยอม (Consent) เพื่อเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลสมัครใจ ยินยอมให้ผู้ควบคุมข้อมูลประมวลผลได้ ผู้ควบคุมข้อมูลจะต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลให้ยอมรับหรืออนุญาตให้มีการประมวลผล เจ้าของข้อมูลสามารถเลือกที่จะปฏิเสธได้ และหากเจ้าของข้อมูลเลือกที่จะปฏิเสธ ผู้ควบคุมข้อมูลก็ไม่สามารถประมวลผลข้อมูลได้
นอกเหนือจากการประมวลทางกฏหมายข้างต้น บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐาน ดังต่อไปนี้
– จัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ
– การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
– เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจ เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่
- ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูล | ตัวอย่างข้อมูลส่วนบุคคล |
รายละเอียดส่วนบุคคล | -คำนำหน้าชื่อ -ชื่อจริง ชื่อกลาง นามสกุล -เพศ -วันเดือนปีเกิด -อายุ -การศึกษา -สถานภาพสมรส -สัญชาติ |
รายละเอียดการติดต่อ | -หมายเลขโทรศัพท์ -หมายเลขโทรสาร -อีเมล -ข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย |
รายละเอียดที่ใช้ในการระบุตัวตนและการยืนยันตัวตน | -ข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัว -รูปภาพ -อวาตาร์ (avatar) -เสียง |
รายละเอียดการทำงาน | -ตำแหน่งหรือฐานะ -ตำแหน่งงาน -แผนกงาน -สถานที่ทำงาน -ประวัติส่วนตัว -ประวัติการจ้างงาน -ข้อมูลการดำเนินการทางวินัยในการทำงาน -ข้อมูลประวัติการฝึกอบรมและการประเมินผลงาน -ประวัติการลางานในรูปแบบต่าง ๆ |
รายละเอียดทางการเงินและข้อมูลความสัมพันธ์ของท่านกับบริษัท | -ข้อมูลค่าจ้าง -เงินเดือน -ค่าตอบแทน -สิทธิประโยชน์หรือสวัสดิการที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ |
ข้อมูลทางภูมิศาสตร์และข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ซอฟต์แวร์ของท่าน และรายละเอียดทางเทคนิค | -ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) -หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) -ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ (Location) โดยใช้เทคโนโลยีระบุตำแหน่ง ประเภทของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้เปิดดูเว็บไซต์ (Browser) -ข้อมูลบันทึกการเข้าออกเว็บไซต์ -ข้อมูลบันทึกประวัติการใช้เว็บไซต์ -ข้อมูลบันทึกการเข้าสู่ระบบ (Login Log) -ข้อมูลการสนทนาผ่านทางกล่องข้อความ หรืออีเมล -ข้อมูลรายการการทำธุรกรรม (Transaction Log) -สถิติการเข้าเว็บไซต์ -เวลาที่เยี่ยมชมเว็บไซต์ (Access Time) -ข้อมูลที่ถูกค้นหาหรือเข้าชม -ข้อมูลการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) -ข้อมูลชื่อโปรไฟล์ -ชื่อ account หรือ username -การใช้ฟังก์ชันต่างๆ ในเว็บไซต์ -ข้อมูลการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต -ข้อมูลการใช้งานอีเมลและการใช้งานโทรศัพท์ -ข้อมูลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายกัน |
ข้อมูลเพื่อการตรวจสอบ ประกอบเป็นหลักฐาน หรือในการทำธุรกรรมต่าง ๆ | -ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน -บัตรประจำตัวประชาชน -สำเนาหนังสือเดินทาง -สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล -สำเนาทะเบียนบ้าน -สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร -สำเนาใบอนุญาตขับขี่ -สำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ -เลขทะเบียนรถยนต์ -สำเนาหนังสือมอบอำนาจ -สำเนาหนังสือรับรองบริษัท -ใบแจ้งหนี้ -ใบเสร็จรับเงิน -ใบสำคัญจ่าย -สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือธุรกิจ -ข้อมูลการเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต -ข้อมูลการใช้งานอีเมลและการใช้งานโทรศัพท์ -ลายมือชื่อ |
ข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยการเข้าสู่อาคาร/สถานที่ | -ภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) |
ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว | ข้อมูลตามมาตรา 26 ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น -ข้อมูลศาสนา ตามที่ปรากฏบนบัตรประจำตัวประชาชน -ข้อมูลสุขภาพ -ข้อมูลเชื้อชาติ ตามที่ปรากฏบนบัตรประจำตัวประชาชน -ข้อมูลประวัติอาชญากรรม -ข้อมูลจำลองใบหน้า และ ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ เป็นต้น
ทั้งนี้ บริษัทไม่มีนโยบายจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหวของท่าน เว้นแต่บริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดเจนจากท่านหรือกรณีอื่นใด ตามที่นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้หรือกฎหมายกำหนด |
ข้อมูลอื่นๆ | -ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรม ไม่ว่าจะในรูปแบบหรือวิธีใดๆ ก็ตาม รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงบันทึกวีดีโอหรือภาพนิ่ง โทรศัพท์ อีเมล ข้อความสนทนา และการสื่อสารทางสื่อสังคมออนไลน์ (social media) -ข้อมูลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทไม่ว่าผ่านช่องทางใดๆ |
- ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งต่อท่าน หรือตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในนโยบายฉบับนี้ โดยในกรณีที่ท่านยุติความสัมพันธ์หรือสิ้นสุดการจ้างกับบริษัท หรือกรณีไม่มีการใช้บริการหรือการทำธุรกรรมกับบริษัทแล้ว บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่กำหนดหลังจากนั้น หรือจัดเก็บตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือตามอายุความ หรือตามที่หน่วยงานของรัฐกาหนด เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, กรมสรรพากร เป็นต้น หรือเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
- การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ จะใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่ระบุในข้อ 1. วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทฯ จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานดังต่อไปนี้
5.1 ผู้ให้บริการซึ่งเป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัทในการให้บริการต่าง ๆ ได้แก่ การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล การให้บริการด้านความปลอดภัย การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือบริการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทหรืออาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน
5.2 หน่วยงานราชการ หน่วยงานกำกับดูแล หรือหน่วยงานอื่นตามที่มีอำนาจตามกฎหมาย รวมถึงเจ้าพนักงานหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่หรือใช้อำนาจตามกฎหมาย เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานตารวจแห่งชาติ ศาล สถานีตำรวจ ธนาคารแห่งประเทศไทย โรงพยาบาล เป็นต้น
5.3 คู่ค้า ผู้รับเหมา คู่สัญญาของบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
5.4 หน่วยงานรัฐวิสาหกิจหรือเอกชน เช่น ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงิน บริษัทประกัน บริษัทจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น
5.5 ที่ปรึกษาของบริษัท ที่ปรึกษากฎหมาย ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายใน ผู้ตรวจประเมินภายนอก วิทยากร หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใดทั้งภายในและภายนอกของบริษัท เป็นต้น
5.6 หน่วยงานที่ตรวจสอบบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบภายใน หรือการตรวจสอบจากบุคคลภายนอก
5.7 บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ
5.8 การส่งหรือการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ อาจจะส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ รวบรวม ใช้หรือเปิดเผยไปยังต่างประเทศ ซึ่งประเทศปลายทางหรือองค์การระหว่างประเทศที่รับข้อมูลส่วนบุคคล ต้องมีมาตราฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
โดยบริษัทฯ จะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูล ปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ รวมถึงจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น
- สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ดังนี้
6.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent)
ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูล ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย และหากในกรณีที่การเพิกถอนความยินยอมอาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูล ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงผลกระทบนั้นโดยเร็วที่สุด
6.2 สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูล (right to access)
ท่านมีสิทธิที่จะขอเข้าถึง(ขอดู)และขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทได้ที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทได้
6.3 สิทธิในการขอรับข้อมูลและขอให้ส่งต่อหรือโอนข้อมูล (right to data portability)
ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
6.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (right to object)
ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผลหรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์
6.5 สิทธิในการขอลบหรือขอให้ทำลายข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure/destruction)
ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
6.6 สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing)
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด
6.7 สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification)
กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัทฯ มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
6.8 สิทธิในการรับทราบกรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทอาจมีการพิจารณาทบทวนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งนี้ตามความเหมาะสมในบางครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม
6.9 สิทธิในการร้องเรียน (right to lodge a complaint)
ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ท่านสามารถใช้สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นได้ โดยติดต่อมาที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทตามรายละเอียดท้ายนโยบายนี้ บริษัทจะแจ้งผลการดำเนินการภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่เราได้รับคำขอใช้สิทธิจากท่าน ตามแบบฟอร์มหรือวิธีการที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้ หากบริษัทปฏิเสธคำขอของท่าน บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ข้อความ (SMS) อีเมล โทรศัพท์ จดหมาย เป็นต้น
7 การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว
บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไข เพิ่มเติม ปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราวเท่าที่กฎหมายอนุญาต หากมีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของนโยบายฉบับนี้ ทางบริษัทจะดำเนินการแจ้งการแก้ไข การเปลี่ยนแปลง การเพิ่มเติม การปรับปรุง หรือการปรับเปลี่ยนนโยบายฉบับนี้ให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ และ/หรือจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเสมอ (หากกฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอม)
8 วิธีการติดต่อ บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
หากท่านมีความประสงค์ที่จะติดต่อ หรือมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ หรือกรณีที่พบว่ามีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปในทางที่ไม่ชอบ ท่านสามารถติดต่อบริษัททางช่องทางดังต่อไปนี้
สถานที่ติดต่อ: | บริษัท เมกาเคม (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 25 ซ.ฉลองกรุง 31 นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ซ.G1/9 |
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer): | E-mail: pdpa.compliance@megachem.co.th โทร: 02-739-6333 |